สำหรับหนุ่มๆ สาวๆ ที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมทางน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเซิร์ฟ ดำน้ำ ว่ายน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ ก็คงคุ้นเคยกับคำว่า Rash Guard หรือ “เสื้อกันรอย” กันมาบ้างแล้ว แต่ว่าหลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่าเสื้อตัวนี้มีประโยชน์มากกว่าการสวมใส่ เพื่อความเท่ หรือความสวยงาม เพราะว่า Rash Guard คือเสื้อที่ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องผิว และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกิจกรรมทางน้ำได้เป็นอย่างดี


โดยหนุ่มๆ สาวๆ ที่ชอบการเล่นเซิร์ฟ หรือดำน้ำอาจต้องเผชิญกับปัญหาผิวพุพองจากการเสียดสีกับบอร์ด หรืออุปกรณ์ต่างๆ แถมยังเสี่ยงกับแสงแดด และรังสี UV ที่รุนแรงกลางทะเล ดังนั้น Rash Guard คือ เสื้อที่สามารถตอบโจทย์ทั้งด้านความปลอดภัย ความสบาย และแฟชั่น ซึ่งในบทความนี้ทาง Rip Curl ก็จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Rash Guard ว่าคืออะไร มีลักษณะอย่างไร แตกต่างจากชุดว่ายน้ำทั่วไปยังไง และทำไมถึงเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้สำหรับสายกิจกรรมทางน้ำ พร้อมทั้งเจาะลึกถึงประโยชน์ที่หนุ่มๆ สาวๆ อาจไม่เคยรู้มาก่อน จะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้นสามารถติดตามกันได้เลย!

1. Rash Guard คืออะไร?

Lorem ipsum dolor sit amet consectetur adipisicing elit. Illum neque eaque, autem sit soluta, voluptatum libero magnam tempore ullam at harum vel, ad reprehenderit, nemo veniam quas in voluptas hic. Lorem ipsum dolor, sit amet consectetur adipisicing elit. Natus id officia omnis suscipit aut architecto repellat a quia eaque reiciendis blanditiis perferendis hic, nihil, mollitia. Iste velit aperiam, numquam dolorem.

2. Rash Guard แตกต่างจากชุดว่ายน้ำทั่วไปอย่างไร?

ถึงแม้ว่า Rash Guard คือ เสื้อผ้าที่ใส่ทำกิจกรรมทางน้ำที่ดูคล้ายกับชุดว่ายน้ำทั่วไป แต่ความจริงนั้นก็ยังมีความแตกต่างอย่างชัดเจน ทั้งในด้านของวัสดุ การใช้งาน และจุดประสงค์ต่างๆ จึงทำให้ระหว่าง Rash Guard กับชุดว่ายน้ำทั่วไปนั้นมีความแตกต่างกัน ดังนี้

  • การออกแบบเพื่อการป้องกันโดยเฉพาะ เพราะว่า Rash Guard คือ เสื้อที่ออกแบบมาให้ปกป้องผิวจากการเสียดสี แสงแดด สัตว์ทะเล และสภาพแวดล้อมในน้ำโดยเฉพาะ ทำให้สามารถปกป้องผิวของผู้สวมใส่ได้ดีกว่า ในขณะที่ชุดว่ายน้ำนั้นจะเน้นเรื่องสรีระ ความสวยงาม และการเคลื่อนไหว

  • วัสดุที่ยืดหยุ่น และทนทานกว่า เพราะว่า Rash Guard คือ เสื้อที่ใช้วัสดุที่มีความทนทาน และยืดหยุ่นมากกว่า เช่น โพลีเอสเตอร์ สแปนเด็กซ์ และไลคร่า ที่มีคุณภาพสูงกว่า แห้งเร็ว ไม่อับชื้น ไม่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับ และทนต่อคลอรีน หรือน้ำเค็มได้ดีกว่าชุดว่ายน้ำทั่วไป

  • ค่าป้องกัน UV สูงกว่า เพราะว่า Rash Guard หลายๆ รุ่นนั้นมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ช่วยป้องกันผิวจากแสงแดด โดยมีค่า UPF สูงมากถึง 50+ ที่่สามารถช่วยป้องกันรังสี UV ได้ถึง 98% ในขณะที่ชุดว่ายน้ำบางรุ่นไม่มีการป้องกัน

  • ปกปิดผิวหนังได้มากกว่า เพราะว่า Rash Guard เป็นเสื้อที่มีทั้งแบบแขนสั้น แขนยาว และทรงเต็มตัว ทำให้เวลาสวมใส่นั้นปกปิดผิวหนังได้ดี สามารถช่วยปกป้องผิวจากแดด สัตว์ทะเล หรือสภาพแวดล้อมทางน้ำได้ดีกว่าชุดว่ายน้ำที่โชว์ผิวหนังมากกว่า

  • เหมาะกับกิจกรรมที่เคลื่อนไหวเยอะ เพราะว่า Rash Guard คือ เสื้อที่ถูกออกแบบให้แนบตัว แต่ยังคงความยืดหยุ่น และไม่หลุดง่าย ทำให้สามารถสวมใส่ได้สบายตัว เคลื่อนไหวได้สะดวกสบาย จึงทำให้สามารถตอบโจทย์การสวมใส่ เพื่อทำกิจกรรมทางน้ำได้เป็นอย่างดี

  • ซัพพอร์ตการสวม Wet Suit ได้ดีกว่า เพราะว่าหนุ่มๆ สาวๆ ที่ชอบทำกิจกรรมทางน้ำนั้นจะใช้ Rash Guard เป็นชั้นในของ Wet Suit เพื่อลดการเสียดสี และให้ความรู้สึกสบายขณะสวมใส่

  • ตอบโจทย์ได้ทั้งแฟชั่น และฟังก์ชัน เพราะว่าในปัจจุบันนั้นดีไซน์ของ Rash Guard มีความทันสมัย สีสันสดใส และมีให้เลือกหลายรูปแบบมากกว่าชุดว่ายน้ำแบบเดิมๆ ทำให้สามารถตอบโจทย์การแต่งตัวได้ดี และยังคงคุณสมบัติ หรือฟังก์ชันต่างๆ ไว้คงเดิม

3. ประโยชน์ของการเลือกสวมใส่ Rash Guard มีอะไรบ้าง?

สำหรับการสวมใส่ Rash Guard นั้นไม่เพียงแต่เพิ่มความคล่องตัวในการทำกิจกรรมทางน้ำเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับประโยชน์ต่างๆ ที่ครอบคลุมหลากหลายด้านในการใช้งาน ซึ่งประโยชน์ของการเลือกสวมใส่ Rash Guard มีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

  • ช่วยป้องกันรังสี UV เพราะว่า Rash Guard คือ เสื้อที่มีค่า UPF สูง ทำให้สามารถป้องกันรังสี UV ได้ดี ส่งผลให้ช่วยลดความเสี่ยงของการไหม้แดด ผิวเสีย และโรคผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสแดดจัดได้

  • ช่วยป้องกันรอยขีดข่วน เพราะว่า Rash Guard คือ เสื้อที่สามารถปกป้องผิวได้ทั้งตัว ทำให้เวลาสวมใส่นั้นจะช่วยป้องกันผิวไม่ให้เกิดรอยขีดข่วน หรือบาดแผลจากอุปกรณ์ หรือสภาพแวดล้อมทางน้ำได้ 

  • ช่วยลดการเสียดสีผิว เพราะว่า Rash Guard คือ เสื้อที่มีความยืดหยุ่น แต่ยังคงความกระชับ เคลื่อนไหวสะดวก ทำให้เวลาสวมใส่นั้นจะช่วยลดการเสียดสีของผิวจากอุปกรณ์ หรือสภาพแวดล้อมทางน้ำที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง แสบแดง หรือมีอาการทางผิวหนังได้

  •  เพิ่มความสบายขณะเล่นน้ำ เพราะว่า Rash Guard คือ เสื้อที่มีเนื้อผ้ายืดหยุ่น และแนบตัวทำให้รู้สึกเบาสบาย ไม่เทอะทะ และสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องหลวมจนหลุด หรือคับแน่นจนเกินไปในขณะที่เคลื่อนไหว

  • ช่วยให้ใส่ และถอด Wet Suit ได้ง่ายขึ้น เพราะว่า Rash Guard คือ เสื้อที่ออกแบบมาในการทำกิจกรรมทางน้ำต่างๆ โดยเฉพาะ ทำให้นักดำน้ำ หรือนักเซิร์ฟจะนำ Rash Guard มาสวมใส่ด้านใน เพื่อช่วยให้ Wet Suit ลื่นขึ้น ไม่ติดผิว และลดแรงเสียดสีได้ดี

  • เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เพราะว่า Rash Guard คือ เสื้อที่มีหลากหลายไซซ์ และหลากหลายดีไซน์ ทำให้สามารถสวมใส่ได้ทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่

     

4. Rash Guard เหมาะกับใครบ้าง?

สำหรับการสวมใส่เสื้อ Rash Guard นั้นไม่ได้เหมาะแค่กับนักเซิร์ฟเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับกลุ่มคนหลากหลายที่ทำกิจกรรมทางน้ำ หรือแม้แต่กิจกรรมกลางแจ้งบนบก ซึ่งต้องการทั้งความสะดวก ความปลอดภัย และการปกป้องผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

  • นักเซิร์ฟมือใหม่ และมืออาชีพ เพราะว่าการเล่นเซิร์ฟจะต้องเผชิญกับคลื่นแรง การเสียดสีกับบอร์ด และแสงแดดจัด ดังนั้น การใส่ Rash Guard จะช่วยป้องกันการเกิดบาดแผล รอยขีดข่วน ระคายเคืองผิวหนัง หรืออาการไหม้แดดได้

  • นักดำน้ำลึก และดำน้ำตื้น ไม่ว่าจะดำน้ำลึกด้วย Wet Suit หรือดำน้ำตื้นในทะเล การสวม Rash Guard เป็นชั้นในจะช่วยเพิ่มความสบาย ลดการเสียดสี และยังช่วยปกป้องจากสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล เช่น ปะการัง หรือแมงกะพรุน ที่อาจเจอในระหว่างดำน้ำได้

  • คนที่ว่ายน้ำในทะเล หรือกลางแจ้งบ่อยๆ เพราะว่าผู้ที่ว่ายน้ำกลางแจ้ง หรือทะเลมักเจอแดดแรง และน้ำเค็ม ดังนั้น การใส่ Rash Guard จะช่วยป้องกันผิวไหม้ และอาการคันจากเกลือทะเลได้ดี

  • สาวๆ ที่ต้องการปกปิดร่างกายขณะเล่นน้ำ สำหรับสาวๆ ที่อยากทำกิจกรรมทางน้ำด้วยความมั่นใจ หรือไม่อยากเปิดเผยผิวมากเกินไป การสวมใส่ Rash Guard แขนยาว หรือแบบเต็มตัวสามารถตอบโจทย์ความต้องการของสาวๆ ได้ดี

  • เด็กๆ ที่ต้องทำกิจกรรมทางน้ำ เพราะว่าเด็กๆ มีผิวที่บอบบาง และมีความไวต่อแสงแดด ดังนั้น การสวมใส่ Rash Guard จะช่วยป้องกันรังสี UV และลดการระคายเคืองจากทราย หรือสภาพแวดล้อมต่างๆ ในน้ำได้ดี

  • ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือเป็นโรคผิวหนัง เพราะว่าผู้ที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมทางน้ำนั้นอาจมีอาการแพ้แดด ผิวแพ้ง่าย หรือมีปัญหาผิวต่างๆ ดังนั้น การสวมใส่ Rash Guard จะช่วยเป็นเกราะป้องกันอีกชั้นจากแสงแดด ฝุ่นทราย แบคทีเรีย หรือสภาพแวดล้อมต่างๆ ในทะเล

นักกีฬาอื่นๆ เช่น พายเรือคายัค เจ็ตสกี เวคบอร์ด เพราะว่ากีฬากลุ่มนี้ต้องทำการเคลื่อนไหวมาก และต้องสัมผัสน้ำอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การสวมใส่ Rash Guard จะช่วยให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัว พร้อมกับช่วยกันน้ำ ลดการเสียดสี หรือลดอาการไหม้แดดได้ดี

5. วิธีการเลือก Rash Guard ให้เหมาะสมกับตัวเอง

สำหรับวิธีการเลือก Rash Guard ที่เหมาะสมกับตัวเองนั้นไม่ใช่แค่การเลือกตามสี ลวดลาย หรือดีไซน์ที่ชอบเท่านั้น แต่ยังควรพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ร่วมด้วย เพื่อให้ได้เสื้อที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านฟังก์ชัน และความสบายในการใช้งานจริง ซึ่งแต่ละวิธีในการเลือก Rash Guard ให้เหมาะกับตัวเองแบบง่ายๆ มีดังนี้

  • เลือกตามประเภทกิจกรรมที่ทำ ยกตัวอย่างเช่น เล่นเซิร์ฟ หรือเจ็ตสกี ควรเลือกแบบแขนยาว เพื่อป้องกันผิวได้อย่างเต็มที่ หรือถ้าหากว่ายน้ำ หรือดำน้ำ ก็สามารถเลือกแบบแขนสั้น หรือแขนยาวบางๆ ได้ตามความสะดวก

  • คำนึงถึงค่าป้องกันแสงแดด UPF สำหรับเสื้อ Rash Guard ที่ดีควรมีค่า UPF 50+ ขึ้นไป เพื่อให้มีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันรังสี UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่ทำกิจกรรมทางน้ำกลางแจ้ง

  • เลือกขนาดให้พอดีตัว เพราะว่าเสื้อ Rash Guard นั้นควรแนบตัวพอดี แต่ไม่รัดจนเกินไป หรือหลวมเกินไป เพื่อช่วยลดแรงต้านน้ำ และป้องกันการเสียดสี และการเลือกไซซ์ที่พอดีจะช่วยให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัวมากขึ้นด้วย

  • เลือกเนื้อผ้าที่ยืดหยุ่น และแห้งเร็ว เพราะว่า Rash Guard ควรผลิตมาจากวัสดุที่ดี เช่น โพลีเอสเตอร์ผสมสแปนเด็กซ์ หรือไลคร่า เพราะว่ามีคุณสมบัติที่แห้งเร็ว ไม่อับชื้น ไม่อุ้มน้ำ และใส่แล้วไม่รู้สึกหนักแม้อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน

  • เลือกดีไซน์ และรูปแบบที่เหมาะกับตัวเอง เพราะ Rash Guard มีทั้งแบบสวมศีรษะ คอซิป แขนสั้น แขนยาว หรือแบบเต็มตัว ดังนั้น หนุ่มๆ สาวๆ ควรเลือกตามความถนัดในการสวมใส่ และความมั่นใจในขณะใช้งาน

  • ตรวจสอบตะเข็บ และการเย็บให้ดี เพราะว่าการเลือก Rash Guard นั้นควรเลือกแบบที่เย็บแบบ Flatlock Stitch หรือ Seamless เพื่อไม่ให้เกิดรอยกดทับ หรือเสียดสีขณะสวมใส่นานๆ

6. วิธีการดูแล และรักษา Rash Guard ให้เหมือนใหม่ และใช้งานได้ยาวนาน

สำหรับวิธีการดูแล และรักษา Rash Guard อย่างถูกวิธีนั้นไม่เพียงช่วยรักษารูปลักษณ์ของเสื้อให้ดูดีอยู่เสมอ แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้คุ้มค่ามากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ใช้งานบ่อยๆ เพราะว่าการบำรุงรักษาเป็นอย่างดีนั้นจะทำให้เสื้อ Rash Guard ตัวเก่งพร้อมใช้งานทุกทริป แถมยังดูใหม่อยู่เสมออีกด้วย ซึ่งในแต่ละวิธีนั้นก็จะมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

  • ล้างทันทีหลังใช้งานทุกครั้ง หลังออกจากทะเล หรือสระน้ำ ควรล้างด้วยน้ำสะอาดทันที เพื่อขจัดคราบเกลือ คลอรีน และทราย ที่เป็นสาเหตุที่อาจทำให้เนื้อผ้าสึกหรอได้ง่ายมากขึ้น

  • ใช้สบู่อ่อน หรือน้ำยาซักผ้าสำหรับชุดกีฬา เพราะว่าจะช่วยทำความสะอาดได้ดีกว่า ทำให้ชุดมีความสะอาด ไม่มีกลิ่นอับ และรักษาเนื้อผ้าได้ดี และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาซักผ้าที่แรงเกินไป เพราะจะทำลายเนื้อผ้ายืด และเคลือบป้องกัน UV ของเสื้อได้

  • ซักด้วยมือเท่านั้น เพราะว่าการซักด้วยมือแบบเบาๆ จะช่วยรักษาความยืดหยุ่นของเนื้อผ้าได้ดี และทำให้ตะเข็บไม่หลุด หรือเสื้อย้วยเร็วกว่าปกติ

  • อย่าขยี้แรง หรือบิดจนยืด เพราะว่าผ้าที่ใช้ผลิต Rash Guard นั้นควรได้รับการดูแลด้วยความนุ่มนวลมากที่สุด ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการขยี้แรงๆ หรือบิดจนยืด

  • ตากในที่ร่ม และมีอากาศถ่ายเท ควรตากในที่ที่เป็นที่ร่ม อากาศถ่ายเทได้ดี และตากโดยพาดกับราวตากผ้า เพราะการตากด้วยไม้แขวนเสื้ออาจทำให้เสื้อย้วย รวมถึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง เพราะรังสี UV อาจทำให้เสื้อซีดเร็ว และทำลายคุณสมบัติป้องกันแสงได้

  • ห้ามใช้น้ำร้อนหรือเครื่องอบผ้า เพราะว่าการใช้น้ำร้อน หรืออบผ้านั้นจะต้องใช้ความร้อนสูง อาจทำให้เนื้อผ้าเสียรูป หรือเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติได้ ดังนั้น จึงควรใช้น้ำเย็น หรืออุณหภูมิห้องเท่านั้น และควรตากให้แห้งเองแบบไม่ต้องอบ

  • พับเก็บให้เรียบร้อยเมื่อแห้งสนิท ก่อนทำการพับ Rash Guard เก็บควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเสื้อแห้งสนิทเรียบร้อยดีหรือไม่ เพื่อป้องกันการอับชื้น เชื้อรา หรือกลิ่นเหม็นอับที่อาจตามมาได้

อย่าซักรวมกับผ้าหยาบหรือมีตะขอเกี่ยว เพราะว่าเสื้อ Rash Guard อาจได้รับความเสียหายจากการเกี่ยว หรือขูดจากเสื้อผ้าอื่นๆ เช่น ซิป ตะขอ หรือตะเข็บหยาบ เป็นต้น

7. เลือกซื้อ Rash Guard จาก Rip Curl ได้ก่อนใครแล้ว วันนี้! ผ่านช่องทาง Official

สำหรับหนุ่มๆ สาวๆ คนไหนที่เป็นนักกิจกรรมทางน้ำตัวยง ไม่ว่าจะเล่นเซิร์ฟ ดำน้ำ ว่ายน้ำ หรือกิจกรรมไหนๆ และสนใจอยากจะเลือกซื้อ Rash Guard จากคอลเลกชั่นต่างๆ ที่ทาง Rip Curl ได้ทำการออกแบบดีไซน์ และสีสัน พร้อมกับเลือกเนื้อผ้า และตัดเย็บมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ทุกคนสามารถสวมใส่ได้อย่างสบาย และสนุกกับทุกกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ รวมถึงยังสามารถมิกซ์แอนด์แมทช์กับเสื้อผ้าอื่นๆ เพื่อครีเอทลุคใหม่ๆ ได้อย่างสนุกสนานมากขึ้น ก็สามารถเลือกซื้อ และอัปเดตคอลเลกชั่น Rash Guard ได้ทุกคอลเลกชั่นก่อนใครที่เว็บไซต์ Official ของทาง Rip Curl Thailand ได้ที่  www.ripcurl.co.th  หรือผ่านช่องทางออนไลน์อย่าง Shopee และ Lazada รวมถึงช่องทาง Offline ที่ Flagship Store ทั้ง 29 สาขาทั่วประเทศ ที่มีคอลเลกชั่น Rash Guard และคอลเลกชั่นอื่นๆ จาก Rip Curl อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชุดว่ายน้ำ กระเป๋า Surf Suit Boardshorts เสื้อยืด เสื้อกล้าม เสื้อเชิ้ต หรือ Clothing อื่นๆ นอกจากนั้นยังสามารถติดตามโปรโมชั่นดีๆ และสามารถแชร์ Outfits จากการสวมใส่ Rash Guard คอลเลกชั่นต่างๆ หรือสินค้าอื่นๆ จาก Rip Curl ผ่านช่องทางต่างๆ ได้เลยที่ …

  • Facebook : Rip Curl Thailand

  • Instagram : @Ripcurl_th

  • Website :   www.ripcurl.co.th

8. ดูคอลเลกชั่น “Rash Guard” จาก Rip Curl เพิ่มเติม

June 23, 2025 — Rip Curl Thailand