พ่อแม่ต้องรู้! ชุดว่ายน้ำเด็กแบบไหนเหมาะกับกิจกรรมของลูกน้อย
สำหรับเด็กๆ นั้นมักจะตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เล่นน้ำ ไม่ว่าจะเป็นในสระว่ายน้ำ หรือทะเล แต่ก่อนที่จะพาลูกน้อยไปสนุกสนานนั้นคุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่? ว่าการเลือกชุดว่ายน้ำให้เหมาะสมกับกิจกรรมของลูกน้อยเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความสบาย ความปลอดภัย และความสนุกของเด็กๆ ในขณะทำกิจกรรมทางน้ำอีกด้วย และถ้าหากเลือกชุดว่ายน้ำที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่เคลื่อนไหวลำบาก หรือเกิดการระคายเคืองผิวได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรเข้าใจว่ากิจกรรมทางน้ำแต่ละประเภทต้องใช้ชุดว่ายน้ำแบบไหน เพื่อให้ลูกสามารถสนุกสนานได้อย่างเต็มที่ และปลอดภัยในทุกสถานการณ์ ซึ่งในบทความนี้ทาง Rip Curl ก็จะพาคุณพ่อคุณแม่มาดูกันว่าชุดว่ายน้ำเด็กมีกี่ประเภท แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร พร้อมแนะนำเทคนิคในการเลือกชุดว่ายน้ำเด็กแบบง่ายๆ ที่ช่วยให้ลูกน้อยสวมใส่สบาย และสนุกสนานกับทุกกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง สามารถติดตามกันได้เลย!

1. ทำไมพ่อแม่ถึงควรเลือกชุดว่ายน้ำเด็กให้เหมาะสมกับแต่ละกิจกรรมทางน้ำ?
สำหรับเด็กๆ แต่ละคนนั้นก็จะมีสไตล์การเล่นน้ำที่แตกต่างกัน บางคนอาจจะชื่นชอบการว่ายน้ำเป็นพิเศษ บางคนอาจจะชอบเล่นทรายริมหาด หรือบางคนอาจจะสนุกสนานกับการเล่นสไลเดอร์ในสวนน้ำ ดังนั้น การเลือกชุดว่ายน้ำที่เหมาะสมกับกิจกรรมของลูก ก็จะช่วยให้เด็กๆ สามารถสนุกสนานได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องต่างๆ ซึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงควรเลือกชุดว่ายน้ำเด็กให้เหมาะสมกับแต่ละกิจกรรมทางน้ำ มีดังนี้
-
ช่วยให้ลูกน้อยเคลื่อนไหวได้สะดวก เพราะว่าแต่ละกิจกรรมทางน้ำนั้นมีอุปสรรคในการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน สำหรับเด็กๆ ที่ชื่นชอบการว่ายน้ำในสระว่ายน้ำนั้นจะต้องการชุดว่ายน้ำที่กระชับ และแนบตัว เพื่อช่วยลดแรงต้านของน้ำ และสำหรับเด็กๆ ที่ชื่นชอบการเล่นน้ำทะเลนั้นจะต้องใช้ชุดที่คลุมแขนขา เพื่อป้องกันแสงแดด และสัตว์ทะเลที่อาจมารบกวนได้
-
ป้องกันการระคายเคือง และแพ้จากน้ำทะเล หรือคลอรีนในสระ เพราะว่าน้ำทะเลมีเกลือ และสิ่งสกปรกจากธรรมชาติ รวมถึงสัตว์ทะเลต่างๆ ที่อาจทำให้ผิวลูกน้อยเกิดอาการแพ้ได้ และในส่วนของน้ำในสระว่ายน้ำนั้นก็จะมีคลอรีน ซึ่งอาจทำให้ผิวของลูกน้อยแห้ง และระคายเคืองได้
-
ช่วยให้ลูกน้อยปลอดภัยมากขึ้น เพราะว่าสีของชุดว่ายน้ำสามารถช่วยให้ผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่สังเกตเห็นเด็กได้ง่ายขึ้น และในชุดว่ายน้ำที่เหมาะสมกับแต่ละกิจกรรมทางน้ำนั้นก็อาจจะมีคุณสมบัติต่างๆ ที่ช่วยเสริมความปลอดภัยให้กับเด็กๆ ได้
-
เพิ่มความมั่นใจในการสวมใส่ชุดว่ายน้ำให้กับลูกน้อย เพราะว่าชุดว่ายน้ำที่เหมาะสม และสวมใส่สบายจะทำให้เด็กๆ กล้าลงน้ำโดยไม่ต้องกังวลเรื่องชุดหลุด หรืออึดอัด อีกทั้งการเลือกชุดที่มีสีสันสดใส และลวดลายน่ารักยังช่วยให้เด็กๆ สนุกกับการแต่งตัว และเพิ่มความมั่นใจในการเล่นน้ำอีกด้วย

2. ชุดว่ายน้ำเด็กสำหรับเล่นในน้ำทะเล และเล่นน้ำในสระมีความแตกต่างกันอย่างไร?
สำหรับคุณพ่อคุณแม่นั้นอาจจะคิดว่าชุดว่ายน้ำเด็กสามารถใช้ได้เหมือนกันทั้งในทะเล และสระว่ายน้ำ แต่ในความเป็นจริงนั้นทั้งสองสถานที่มีปัจจัยที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาพแวดล้อม อุณหภูมิของน้ำ หรือแม้กระทั่งความปลอดภัย ซึ่งล้วนมีผลต่อการเลือกชุดว่ายน้ำที่เหมาะสม โดยความแตกต่างของชุดว่ายน้ำเด็กสำหรับเล่นในน้ำทะเล และเล่นน้ำในสระมีความแตกต่างกัน ดังนี้
-
ชุดว่ายน้ำเด็กสำหรับเล่นน้ำในทะเล สำหรับการเล่นน้ำทะเลต้องเผชิญกับแสงแดด คลื่นลม ทราย และสิ่งมีชีวิตในทะเล เช่น แมงกะพรุน หรือปะการัง และการเลือกชุดว่ายน้ำสำหรับเล่นน้ำในทะเลต้องคำนึงถึงการป้องกันรังสียูวี และความทนทานต่อสภาพแวดล้อม ดังนั้น ชุดว่ายน้ำเด็กสำหรับเล่นน้ำในทะเลควรมีคุณสมบัติที่มีเทคโนโลยีป้องกันรังสียูวี (UPF 50+) เพื่อช่วยปกป้องผิวเด็กจากแสงแดด ลดโอกาสผิวไหม้จากแดด เลือกแบบแขนยาว ขายาว หรือชุดแบบ Rash Guard เพื่อป้องกันแมงกะพรุน และปะการังบาด เลือกเนื้อผ้าที่ทนต่อเกลือ และทราย ที่ควรเป็นผ้าสแปนเด็กซ์ หรือโพลีเอสเตอร์ที่สามารถล้างออกง่าย รวมถึงต้องมีสีสันสดใส เพื่อให้มองเห็นได้ง่าย โดยเฉพาะหากเด็กเล่นน้ำในทะเลลึก พร้อมกับควรหลีกเลี่ยงชุดว่ายน้ำสีเข้มเกินไป อาจมองเห็นได้ยากหากเกิดเหตุฉุกเฉิน และผ้าที่บาง และไม่ทนทาน เพราะอาจขาด หรือเสียหายจากการสัมผัสกับทราย และคลื่นได้
-
ชุดว่ายน้ำเด็กสำหรับเล่นในสระ สำหรับการเล่นน้ำในสระว่ายน้ำนั้นเป็นสถานที่ปิดที่มีการควบคุมอุณหภูมิของน้ำ และไม่มีสิ่งมีชีวิตใต้ผิวน้ำ ทำให้ชุดว่ายน้ำสำหรับเล่นน้ำในสระจะเน้นเรื่องความกระชับ และลดแรงต้านของน้ำเป็นหลัก ดังนั้น ชุดว่ายน้ำเด็กสำหรับเล่นน้ำในสระนั้นควรมีคุณสมบัติที่มีความกระชับแนบตัว ช่วยให้เด็กว่ายน้ำได้สะดวก มีเนื้อผ้าที่ทนต่อคลอรีน เช่น ผ้าที่มีส่วนผสมของโพลีเอสเตอร์สูง มีดีไซน์เรียบง่าย ไม่มีอุปกรณ์ตกแต่งเยอะ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการว่ายน้ำ และเหมาะกับการสวมใส่กับอุปกรณ์ช่วยว่ายน้ำ เช่น หมวกว่ายน้ำ หรือแว่นตาว่ายน้ำ เป็นต้น พร้อมกับหลีกเลี่ยงชุดว่ายน้ำที่หลวมเกินไป อาจทำให้เด็กเคลื่อนไหวไม่สะดวก และเพิ่มแรงต้านของน้ำ รวมถึงผ้าที่บาง และยืดง่าย เพราะอาจเสื่อมสภาพเร็วเมื่อสัมผัสกับคลอรีนบ่อยๆ
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าความแตกต่างของชุดว่ายน้ำสำหรับทะเล และชุดว่ายน้ำสำหรับสระนั้นแตกต่างกันทั้งในเรื่องของการป้องกันแสงแดด เนื้อผ้า ดีไซน์ สีสัน และฟังก์ชันการใช้งาน ที่ชุดว่ายน้ำสำหรับทะเลนั้นควรมี UPF 50+ และปกคลุมร่างกายมากกว่า ต้องทนต่อเกลือ และทราย เป็นแขนยาว-ขายาว หรือ Rash Guard ควรเป็นสีสว่างเพื่อให้มองเห็นง่าย และป้องกันสัตว์ทะเล และแสงแดดได้ดี ส่วนชุดว่ายน้ำสำหรับสระน้ำนั้นไม่จำเป็นต้องมี UPF สูงมาก ต้องทนต่อคลอรีน เป็นชุดแนบตัวแบบ One-Piece หรือ Two-Piece เลือกสีที่ชอบได้ตามใจเด็กๆ และมีคุณสมบัติในการลดแรงต้านน้ำ ที่ช่วยให้ว่ายน้ำง่ายขึ้น และเพื่อช่วยให้ลูกน้อยเล่นน้ำได้อย่างสนุก และปลอดภัยมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ก่อนเลือกซื้อชุดว่ายน้ำให้ลูกน้อย เพื่อให้เด็กๆ ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากการเล่นน้ำทุกครั้ง
3. ชุดว่ายน้ำเด็กมีกี่ประเภท? และแต่ละแบบเหมาะกับกิจกรรมแบบไหนบ้าง?
การเลือกชุดว่ายน้ำเด็กให้ลูกน้อยนั้นไม่ได้มีแค่เรื่องของขนาด หรือสีสันเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงประเภทของชุดว่ายน้ำที่เหมาะกับกิจกรรมของลูกน้อยด้วย เพราะเด็กๆ แต่ละคนมีสไตล์การเล่นน้ำแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการว่ายน้ำ ฝึกดำน้ำ เล่นน้ำในทะเล หรือทำกิจกรรมที่ต้องเผชิญกับแดด และลม ซึ่งชุดว่ายน้ำเด็กนั้นก็มีหลากหลายประเภท โดยแต่ละประเภทนั้นก็ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรรู้ว่าชุดว่ายน้ำแต่ละประเภทนั้นเหมาะกับกิจกรรมทางน้ำแบบไหน เพื่อให้ลูกน้อยสวมใส่สบาย สนุกกับการเล่นน้ำได้อย่างเต็มที่ และปลอดภัยที่สุด
3.1 ชุดว่ายน้ำเด็กแบบ Long Sleeve
ชุดว่ายน้ำเด็กแขนยาว หรือแบบ Long Sleeve เป็นชุดที่มีแขนยาวจนถึงข้อมือ และมีกางเกงให้เลือกใส่ทั้งแบบขาสั้น หรือขายาว ส่วนใหญ่จะทำมาจากผ้าที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสี UV (UPF 50+) เพื่อช่วยป้องกันแสงแดดที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวเด็ก โดยลักษณะเด่นของชุดว่ายน้ำเด็กแบบ Long Sleeve นั้นจะอยู่ตรงที่มีแขนยาวช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดโดยตรง มีซิปด้านหลัง หรือด้านหน้า เพื่อให้ถอด และใส่ได้ง่าย และมีเนื้อผ้ายืดหยุ่น ระบายอากาศดี และแห้งไว ทำให้เหมาะกับการทำกิจกรรมทางน้ำอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเล่นน้ำทะเล เล่นกิจกรรมทางน้ำ หรือเล่นน้ำกลางแจ้งเป็นเวลานาน ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานสำหรับเด็กๆ ที่มีผิวบอบบาง หรือแพ้ง่าย เด็กๆ ที่ต้องเล่นน้ำกลางแจ้งเป็นเวลานาน หรือเด็กๆ ที่เล่นน้ำทะเล หรือเล่นกิจกรรมทางน้ำ
3.2 ชุดว่ายน้ำเด็กแบบ One Piece
ชุดว่ายน้ำแบบวันพีซ (One Piece) เป็นชุดว่ายน้ำเด็กแบบชิ้นเดียวที่แนบตัว โดยส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นแบบแขนกุด เพื่อช่วยให้เด็กๆ เคลื่อนไหวได้สะดวก และลดแรงต้านของน้ำเวลาว่ายน้ำ โดยลักษณะเด่นของชุดว่ายน้ำเด็กแบบ One Piece นั้นจะอยู่ตรงที่ดีไซน์เรียบง่าย มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้เด็กเคลื่อนไหวได้สะดวก และระบายอากาศดี แห้งไว ทำให้เหมาะกับการทำกิจกรรมทางน้ำได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะการว่ายน้ำในสระว่ายน้ำ ฝึกเรียนว่ายน้ำ หรือเล่นน้ำในสวนน้ำ เป็นต้น ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานสำหรับเด็กๆ ที่เริ่มฝึกว่ายน้ำ เด็กๆ ที่เข้าเรียนว่ายน้ำ หรือเด็กๆ ที่ชื่นชอบการว่ายน้ำเป็นพิเศษ
3.3 ชุดว่ายน้ำเด็กแบบ Surf Suit
ชุดว่ายน้ำเด็กแบบเซิร์ฟสูท (Surf Suit) เป็นชุดที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับกิจกรรมทางน้ำที่ต้องเผชิญกับคลื่น ลม และแดด และจะมีให้เลือกทั้งแขนสั้น-ขาสั้น และแขนยาว-ขายาว และจะนิยมทำจากวัสดุที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงกว่า เช่น น้ำทะเล และลมแรง โดยลักษณะเด่นของชุดว่ายน้ำเด็กแบบ Surf Suit นั้นจะอยู่ตรงที่เนื้อผ้าหนากว่าชุดว่ายน้ำปกติ ทำให้ช่วยให้ความอบอุ่นได้ดี ป้องกันแสงแดด ป้องกันการเสียดสี มีซิปหน้า หรือหลัง เพื่อให้สวมใส่ หรือถอดได้สะดวกสบาย ทำให้เหมาะกับการทำกิจกรรมทางน้ำได้เกือบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมทางน้ำ เช่น เล่นเสิร์ฟ ดำน้ำ หรือพายเรือ รวมถึงการทำกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานสำหรับเด็กๆ ที่กำลังฝึกหัดเล่นกีฬาทางน้ำ เช่น โต้คลื่น ดำน้ำตื้น หรือเด็กๆ ที่ชื่นชอบการเล่นน้ำทะเล
4. แนะนำคอลเลกชั่นชุดว่ายน้ำเด็กจาก Rip Curl สีสันสดใส น่ารักสมวัย ตอบโจทย์ได้ทุกกิจกรรม
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาชุดว่ายน้ำเด็กที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งาน ดีไซน์ และสีสัน ก็ต้องห้ามพลาดคอลเลกชั่นชุดว่ายน้ำเด็กจาก Rip Curl ที่ทางทีมดีไซน์เนอร์ได้ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เหมาะสมกับการการทำกิจกรรมของเด็กๆ ซึ่งในแต่ละคอลเลกชั่นนั้นก็จะมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
4.1 Rip Curl Kids Collection Long Sleeve
Rip Curl Kids Collection Long Sleeve เป็นคอลเลกชั่นชุดว่ายน้ำเด็กที่มาในรูปแบบแขนยาว โดยทางทีมดีไซน์เนอร์ได้มีการออกแบบลวดลายให้มีความน่ารักสดใส สามารถสวมใส่ได้ทั้งเด็กผู้ชาย และเด็กผู้หญิง พร้อมกับเลือกใช้โทนสีที่เหมาะกับการใช้งานเวลาที่เด็กๆ เล่นน้ำ รวมถึงมีการเลือกใช้เนื้อผ้าที่มีความหนานุ่มกำลังดี มีความยืดหยุ่น ระบายอากาศได้ดี แห้งไว แต่ยังคงความกระชับ พอดีตัว ที่ทำให้เด็กๆ สวมใส่สบาย แต่ไม่อึดอัด และยังคงตอบโจทย์การเคลื่อนไหวได้ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะทำกิจกรรมทางน้ำแบบไหนก็สนุกสนานได้อย่างเต็มที่
4.2 Rip Curl Kids Collection One Piece
Rip Curl Kids Collection One Piece เป็นคอลเลกชั่นชุดว่ายน้ำเด็กที่มาในรูปแบบของ One Piece ที่สามารสวมใส่ได้ง่าย ครบ จบ ในชุดเดียว โดยมีดีไซน์ที่สามารถตอบโจทย์การเคลื่อนไหวของเด็กๆ ได้ดี ด้วยแขนเสื้อที่เป็นแบบแขนกุด และขากางเกงแบบเว้าสูง มาพร้อมกับดีไซน์ และสีสันสุดน่ารัก รวมถึงเนื้อผ้าที่มีความเบาสบาย นุ่มผิว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ยืดหยุ่นกำลังดี แต่ยังคงมีความกระชับ ทำให้เด็กๆ เคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกสบาย และสามารถสวมใส่ทำกิจกรรมทางน้ำได้หลากหลายรูปแบบ
4.3 Rip Curl Kids Collection Surf Suit
Rip Curl Kids Collection Surf Suit เป็นคอลเลกชั่นชุดว่ายน้ำเด็กที่มาในรูปแบบของ Surf Suit ที่มีการดีไซน์มาให้เหมาะกับการทำกิจกรรมทางน้ำได้ทุกรูปแบบ ทั้งการเล่นน้ำในสระ ว่ายน้ำ ดำน้ำตื้น หรือทำกิจกรรมทางน้ำต่างๆ ด้วยการดีไซน์ที่เป็นแบบแขนยาว และขากางเกงสั้น มาพร้อมกับสีสัน และลวดลายที่มีความสดใส มีเนื้อผ้าที่มีความหนานุ่มกำลังดี มีความกระชับ แต่ยืดหยุ่นได้ดี ระบายอากาศได้ดี แห้งไว ไม่อับชื้น สามารถปกป้องผิวของเด็กๆ จากแสงแดด ลม และสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ ไม่ว่าเด็กๆ อยากทำกิจกรรมทางน้ำแบบไหน ก็สามารถรองรับการเคลื่อนไหวได้เป็นอย่างดี
5. แนะนำเทคนิคการเลือกชุดว่ายน้ำเด็กให้ลูกน้อยแบบง่ายๆ ให้สวมใส่สบาย สนุกสนานกับการทำกิจกรรมได้เต็มที่
สำหรับการเลือกชุดว่ายน้ำสำหรับลูกน้อยเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะว่าเด็กๆ นั้นต้องการชุดว่ายน้ำเด็กที่มีความสบาย ความปลอดภัย และความคล่องตัว เพื่อให้สามารถสนุกสนานกับการเล่นน้ำได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีอุปสรรค ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาให้รอบคอบในการเลือกชุดว่ายน้ำเด็ก โดยคำนึงถึงขนาด เนื้อผ้า สีสัน ความสะดวกในการสวมใส่ และความเหมาะสมกับกิจกรรมที่ลูกน้อยจะทำ เพื่อให้พวกเขารู้สึกมั่นใจ และมีความสุขกับการเล่นน้ำอย่างเต็มที่ ซึ่งเทคนิคในการเลือกชุดว่ายน้ำเด็กให้ลูกน้อยแบบง่ายๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ มีดังนี้
5.1 เลือกชุดว่ายน้ำเด็กที่มีขนาดพอดีตัว
การเลือกชุดว่ายน้ำเด็กให้มีขนาดที่พอดีตัว ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เด็กๆ สามารถเคลื่อนไหวในน้ำได้อย่างอิสระ ลดโอกาสที่ชุดจะหลุด หรือทำให้เด็กเสียสมดุลขณะว่ายน้ำ และทำให้เด็กๆ มีความมั่นใจ ไม่ต้องคอยจับหรือดึงชุดระหว่างเล่นน้ำ โดยวิธีการเลือกขนาดชุดว่ายน้ำเด็กให้พอดีตัวนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกน้อยลองสวมใส่ และสังเกตว่าเนื้อผ้ายืดหยุ่นได้ดีหรือไม่ แต่ถ้าหากไม่สะดวกให้ลูกน้อยลอง ก็ให้ทำการวัดขนาดรอบอก รอบเอว และรอบสะโพกก่อนเลือกซื้อ เพื่อให้แน่ใจว่าชุดว่ายน้ำกระชับกับสรีระของเด็กๆ และถ้าหากซื้อทางออนไลน์ ควรดูตารางไซซ์ของแบรนด์นั้นๆ และเลือกเผื่อขนาดเล็กน้อย เพื่อให้มีความพอดีกับตัวของลูกน้อยมากที่สุด
5.2 เลือกชุดว่ายน้ำเด็กให้มีเนื้อผ้าที่สวมใส่สบาย
สำหรับเนื้อผ้าของชุดว่ายน้ำเด็กนั้นมีผลต่อความสบายตัวของเด็กๆ ในขณะเล่นน้ำ โดยคุณพ่อคุณแม่ควรเลือกผ้าที่มีความยืดหยุ่น และระบายอากาศได้ดี เพื่อลดการเสียดสี และการระคายเคืองเลือกผ้าที่มีส่วนผสมของโพลีเอสเตอร์ และสแปนเด็กซ์ เพราะยืดหยุ่นได้ดี และแห้งเร็ว หลีกเลี่ยงผ้าหนา และแข็ง เพราะจะทำให้เด็กๆ อึดอัด และเคลื่อนไหวลำบาก รวมถึงเลือกผ้าที่มีเทคโนโลยี UPF Protection ซึ่งช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี และทดสอบความนุ่มของผ้า ด้วยการสัมผัสดูว่าผ้าไม่หยาบ หรือระคายเคืองต่อผิวเด็กๆ เพื่อช่วยลดการเสียดสีที่อาจทำให้ผิวลูกน้อยระคายเคือง แห้งเร็ว ไม่ทำให้เกิดความอับชื้นที่อาจเป็นสาเหตุของผื่นผ้าอ้อม และช่วยให้เด็กๆ สามารถสนุกกับการเล่นน้ำได้อย่างเต็มที่โดยไม่รู้สึกไม่สบายตัว
5.3 เลือกชุดว่ายน้ำเด็กที่มีสีสันมองเห็นง่าย
สำหรับการเลือกสีสันของชุดว่ายน้ำเด็กนั้นไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของความสวยงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเด็กๆ อีกด้วย โดยคุณพ่อคุณแม่ควรเลือกชุดว่ายน้ำเด็กที่มีสีสว่าง หรือสีสะท้อนแสง เช่น สีเหลือง สีส้ม สีเขียวเรืองแสง หรือสีฟ้าสด เพื่อให้มองเห็นได้ง่าย พร้อมกับหลีกเลี่ยงสีเข้มเกินไป เช่น สีดำ หรือสีกรมท่า เพราะอาจทำให้มองเห็นยากขึ้น และเลือกชุดว่ายน้ำที่มีลวดลายเด่นชัด เพื่อช่วยให้สามารถแยกลูกน้อยออกจากเด็กคนอื่นๆ ได้ง่าย ซึ่งจะช่วยให้ในระหว่างที่เด็กๆ เล่นน้ำนั้นสามารถมองเห็นได้ง่าย เพิ่มความปลอดภัยในน้ำ ช่วยลดความเสี่ยงในการพลัดหลงขณะเล่นน้ำในที่สาธารณะ และช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถจับตาดูลูกน้อยได้สะดวกขึ้น
5.4 เลือกชุดว่ายน้ำเด็กที่ถอด และใส่สะดวก
สำหรับการเลือกชุดว่ายน้ำที่สามารถถอด และใส่ได้ง่ายนั้นจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ลดความยุ่งยากในการเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยเฉพาะเมื่อต้องพาเด็กๆ เข้าห้องน้ำ โดยคุณพ่อคุณแม่ควรเลือกชุดว่ายน้ำที่มีซิปด้านหน้า เพื่อให้เด็กสามารถใส่ และถอดได้เอง และสำหรับเด็กเล็ก ควรเลือกชุดที่มีกระดุมแป๊ก หรือซิปที่ช่วงขา เพื่อให้ง่ายต่อการเปลี่ยนผ้าอ้อม และหลีกเลี่ยงชุดที่ต้องสวมทางศีรษะทั้งหมด เพราะอาจทำให้เด็กอึดอัดเวลาถอด ซึ่งจะช่วยลดเวลาการแต่งตัว และความยุ่งยากในการเปลี่ยนชุด ช่วยให้เด็กๆ สามารถถอด และใส่เองได้ และช่วยให้การเข้าห้องน้ำเป็นไปอย่างสะดวกที่ไม่จำเป็นต้องถอดทั้งชุด
5.5 เลือกชุดว่ายน้ำเด็กให้เหมาะสมกับกิจกรรม
สำหรับเด็กๆ แต่ละคนนั้นก็จะมีสไตล์การเล่นน้ำที่แตกต่างกัน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรเลือกชุดว่ายน้ำที่เหมาะกับกิจกรรมที่ลูกทำ เพื่อให้เด็กๆ สามารถเล่นน้ำได้อย่างสนุกสนาน และปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากเล่นน้ำในทะเล ควรเลือกชุดว่ายน้ำแบบแขนยาว และขายาว เพื่อป้องกันแสงแดด ลม หรือสัตว์ทะเล หรือถ้าหากว่ายน้ำในสระ ควรเลือกชุดว่ายน้ำแบบเข้ารูป หรือบอดี้สูท เพื่อช่วยให้เด็กๆ เคลื่อนไหวสะดวก เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้เด็กๆ สามารถเล่นน้ำได้อย่างสนุกสนานโดยไม่ต้องกังวล ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากชุดว่ายน้ำที่ไม่เหมาะสม และช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเด็กๆ ในการทำกิจกรรมทางน้ำด้วย