Wetsuit ชุดกีฬาทางน้ำที่สุดล้ำด้วยเทคโนโลยีการออกแบบที่ทันสมัย ทั้งฟังก์ชั่น ดีไซน์ และแนวคิดการออกแบบที่ห่วงใยสิ่งแวดล้อม
Rip Curl เป็นแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาทางน้ำและกีฬาโต้คลื่นที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองแบบชัดเจน ถ้านึกถึง Rip Curl หลายคนจะต้องนึกเป็นภาพกระดานโต้คลื่นแน่นอน ความแข็งแกร่งของภาพลักษณ์นี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แบรนด์มีจุดยืนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เรื่องการออกแบบชุดกีฬาทางน้ำให้ออกมาให้ดีที่สุดนี้ต้องยกให้ Rip Curl จริง ๆ โดยเฉพาะสำหรับชาวนักเซิร์ฟ บีชบอย บีชเกิร์ล หรือนักท่องเที่ยวที่อยากมาผจญภัยไปกับกีฬาในท้องทะเลเป็นครั้งคราว ด้วย Wetsuit ชุดกีฬาทางน้ำของ Rip Curl ก็ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ เหมาะกับกิจกรรมเล่นเซิร์ฟโต้คลื่นเพลิน ๆ ลงไปดำน้ำฟรีไดฟ์ก็ได้เลย หรือใครจะเลือกใส่เท่ ๆ แล่นเรือใบโต้ลมทะเล และยังมีอีกหลายคนที่หยิบเอาชุด Wetsuit ไปเล่นกีฬาทางน้ำสายเอ็กซ์ตรีมอื่น ๆ อีกด้วย
Wetsuit ของ Rip Curl: ผู้นำเทรนด์และเทคโนโลยีการผลิตชุดกีฬาทางน้ำ
สำหรับ Rip Curl การออกแบบชุด Wetsuit ไม่เพียงแต่ต้องดีที่สุดเท่านั้น ตัวชุดต้องมีฟังก์ชั่นที่ครบถ้วนและซัพพอร์ตผู้สวมใส่ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะอยู่บนบก ใต้น้ำ ตัวชุดได้ถูกปรับพัฒนา ทั้งองค์ประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ตัวเนื้อผ้า การตัดเย็บ ให้รองรับการเคลื่อนไหวใต้น้ำได้เป็นอย่างดี โดยเนื้อผ้าจะมีทั้งความหนาและความยืดหยุ่นที่สนับสนุนกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายของผู้ใส่ ซึ่งผู้ออกแบบชุดกีฬาทางน้ำของ Rip Curl ต่างทำการทดลองมามากมายนับไม่ถ้วน เพื่อให้ทุกการดีไซน์ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
จุดเริ่มต้นและการเดินทางของชุด Wetsuit ตั้งแต่ชุดแรกผลิตออกมาในปีค.ศ. 1970
ด้วยประสบการณ์ในด้านการออกแบบพัฒนาชุด Wetsuit ที่มากกว่า 35 ปี ของ Rip Curl ทางแบรนด์ได้สร้างคุณภาพมาตรฐานการผลิตชั้นเยี่ยมเอาไว้นำหน้าทุกแบรนด์ จะเรียกว่าแซงก็ไม่ได้ เพราะเค้าล้ำหน้านำทุกแบรนด์จริง ๆ
โดยปีแรกหลังจากที่ Wetsuit ได้ถูกนำไปใช้งานจริง ปีถัดมา ค.ศ. 1971 Rip Curl ก็เริ่มทำการปรับพัฒนาฟังก์ชั่นอย่างรวดเร็ว เริ่มจากการแก้แบบตัดเย็บ เอาตะเข็บใต้วงแขนออก เนื่องจากตะเข็บบริเวณนั้นมักทำให้ผู้ใส่ระคายเคืองผิวเมื่อขยับตัวเยอะ ๆ ใต้น้ำ
ค.ศ. 1972 เพิ่มความทนทานของชุด Wetsuit ด้วยการตัดเย็บแบบ Double lined Neoprene คือตัดเย็บหุ้มด้วยไนลอนทั้งสองด้าน ซึ่งทำให้ตัวชุดจะมีแรงต้านน้ำมากขึ้น ส่วนเนื้อผ้า Neoprene คือผ้าที่มีลักษณะพิเศษที่ช่วยให้ผู้ใส่ลอยตัวในน้ำได้ และลดแรงต้านแรงเสียดทานในน้ำ เวลาที่โดนคลื่นน้ำนาน ๆ
ค.ศ. 1974 เปลี่ยนตำแหน่งของซิป โดยเปลี่ยนซิปจากตรงหัวไหล่ของชุดออกไปใช้ซิปหน้าอกแทน ซึ่งทำให้ผู้สวมใส่ขยับตัวคล่องขึ้น และยังเป็นการเก็บความอบอุ่นของร่างกายไว้ไม่ให้อุณหภูมิเปลี่ยนฉับพลันเวลาขึ้นจากน้ำ ปัจจุบันตัวชุดบางรุ่นก็ยังคงใช้ดีไซน์ซิปหน้า
และในปีเดียวกัน Rip Curl ยังปรับเพิ่มมิติของการใช้เนื้อผ้า Neoprene หรือ โดยชุด Wetsuit จะมีชิ้นส่วนเนื้อผ้า Neoprene ที่หนาและบางต่างกัน ตามแต่ละส่วนของร่างกาย ส่วนที่เนื้อผ้าบางก็จะช่วยให้ผู้ใส่ขยับตัวได้สบายขึ้นอีก ส่วนที่หนาก็จะช่วยเรื่องซัพพอร์ตกันแรงปะทะของน้ำ
ค.ศ. 1978 ชุด Wetsuit ทุกตัวหลังจากนี้ ถูกเปลี่ยนการตัดเย็บเป็นแบบซ่อนด้าย ซึ่งการเย็บชุดแบบซ่อนด้ายนี้ ทำให้ชุดสวมใส่สบายยิ่งขึ้นไปอีก พร้อมกับเก็บความอุ่นได้ดีขึ้น และยังเพิ่มอายุการใช้งานของชุดให้ยาวขึ้นอีกด้วย
ค.ศ. 1982 เนื้อผ้า Neoprene ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น ให้มีคุณภาพความยืดหยุ่นที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ค.ศ. 1984 ตัวขอบเย็บผ้าที่ใช้วิธีซ่อนด้ายของ Wetsuit จะได้รับการเคลือบปิด ทำให้ชุดเก็บความอุ่นได้ดีและนานขึ้น
Wetsuit เป็นชุดว่ายน้ำที่ให้ความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม และ Sustainability
Rip Curl ยังได้ร่วมโปรเจกต์รักษ์ทะเลที่ชื่อว่า Arch & Hook ที่นำขยะพลาสติกรีไซเคิลจากท้องทะเลมาเปลี่ยนเป็นไม้แขวนเสื้อ โดย Rip Curl ตั้งเป้าหมายว่าจะเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้ยั่งยืน ยึดหลัก Sustainability และใช้วัสดุต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นผลิตภัณฑ์รีไซเคิลให้ได้มากที่สุด ในตอนนี้ Eucofoam 80% เป็น Biobased หรือพลาสติกที่ทำมาจากพืช มีการใช้วัสดุจากเสื้อยืดเสื้อกีฬารีไซเคิล และได้นำซิปเก่ามารีไซเคิลใช้อีก 40% โดยที่ประสิทธิภาพของตัวชุด Wetsuit ยังมีฟังก์ชั่นครบแน่นและดียิ่งกว่าเดิม
นอกจากนั้นยังมีการปรับโครงสร้างการผลิตของชุด ที่ลดการใช้ทรัพยาการน้ำ ลดการใช้พลาสติก และลด waste หรือขยะในขั้นตอนการผลิตให้ได้มากที่สุด และทาง Rip Curl ยังเปิดศูนย์รับซ่อมแก้ หรือยืดอายุการใช้งานของชุด Wetsuit ด้วย
สรุป! ข้อดีของชุด Wetsuit ที่ทำให้ชาวรักทะเลต้องเลือก
เป็น Wetsuit ที่ตอบโจทย์ฟังก์ชั่นการใช้งานได้ครบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับกิจกรรมและกีฬาทางน้ำทุกชนิด
เนื้อผ้า Neoprene ของชุดช่วยให้ลอยตัวในน้ำได้ดี และมีการปรับความหนาบางให้เคลื่อนไหวในน้ำได้ดี
มีการออกแบบตัวชุดที่ซัพพอร์ตกันแรงกระแทกของคลื่น ป้องกันแรงต้านได้ ใส่เล่นได้ทุกกีฬาทางน้ำ
ชุดผ่านการปรับปรุงให้เก็บอุณหภูมิในร่างกายได้ดีและนานที่สุด เวลาที่ขึ้นจากน้ำและอุณหภูมิความร้อนในตัวเริ่มคลาย
ตัวชุด Wetsuit เต็มตัวสามารถกันแดดและกันลมได้เป็นอย่างดี แม้ผู้ใส่จะขึ้นลงจากน้ำ อุณหภูมิภายในชุดก็จะไม่มีการเปลี่ยนเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น หรือเกิดอาการอุณหภูมิร่างกายลดลงฉับพลันเมื่อลงน้ำ
กระบวนการผลิตในแต่ละขั้นตอนมีความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม และมีการลดขั้นตอน วัสดุ หรือการใช้ทรัพยากรพลังงานต่าง ๆ อย่างสิ้นเปลือง
ดีไซน์ของชุด Wetsuit มีครบสำหรับหนุ่ม ๆ และสาว ๆ
ชุดของผู้ชาย จะเป็นชุด Wetsuit แบบเต็มตัว มี 3 แบบ ด้วยกัน และสำหรับสาว ๆ ชุดของผู้หญิง จะเป็น Wetsuit แบบเต็มตัว แล้วก็มีเป็นชุดบอดี้สูทให้เลือกด้วย โดยแบ่งเป็น 3 รุ่นเหมือนกัน
1. E-BOMB & G-BOMB
ชุด E-BOMB จะเป็นรุ่นชุดเต็มตัวของผู้ชาย ที่ออกแบบมาโดยไม่มีซิปเลย ใช้ความยืดหยุ่นของชุดแบบขั้นสุดในการสวมใส่เข้าตัว และใช้นวัตกรรมใหม่ล่าสุดเป็น ที่ยืดหยุ่นกระชับมากกว่าเดิม และมีน้ำหนักเบาสบายขึ้นอีก
ส่วนชุดของสาว ๆ จะแยกออกมาด้วยชื่อรุ่น G-BOMB ที่ออกแบบมาให้กระชับพอดีตัวเป็นขาสั้นและบอดี้สูท แต่ยังเป็นแขนยาวอยู่ โดยรุ่น G-BOMB นี้จะมีให้เลือกทั้งแบบซิปหน้าอก และซิปหลัง
2. OMEGA
รุ่น OMEGA ของทั้งผู้ชายและผู้หญิงจะมีลักษณะคล้ายกัน โดยจะมีซิปตรงไหล่หลัง มีชิ้นส่วน Mesh Skin Panels ตรงกลางลำตัวที่รับความอบอุ่นของแสงอาทิตย์และป้องกันลมได้ในตัวเดียว
3. DAWN PATROL
เป็นรุ่นชุด Wetsuit ที่เรียกได้ว่าเก็บอุณหภูมิอุ่นดีที่สุดหลังเล่นน้ำ มีซิปที่หลังทั้งชุดเต็มตัวของผู้ชายและผู้หญิง และใส่สบายตัวมาก ตัวชุดยังดูแลง่ายตากแห้งได้ค่อนข้างไว และของผู้หญิงจะมีชุดรุ่นที่เป็นขาสั้นให้เลือกด้วย
ใครที่กำลังมองหาชุด Wetsuit ที่ครบทุกฟังก์ชั่น ดีไซน์สวยเท่ทันสมัย ที่มาพร้อมแนวคิดรักษ์ทะเล ใช้ลงเล่นน้ำแล้วเบาใจไม่ทำร้ายธรรมชาติ มาทำความรู้จักคอลเลคชั่นชุดกีฬาทางน้ำแบบเต็มตัวของ Wetsuit ได้เลย
ดูชุด Wetsuit ทุกรุ่นของริปเคิลได้ที่นี่ คลิกเลย
>>> https://ripcurl.co.th/collections/wetsuits